วันอังคารที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2552

VoIP

ก่อนที่เราจะรู้ว่า VoIP คืออะไร สิ่งที่เราควรจะต้องรู้ก่อนก็คือ เครือข่าย IP มีหลักการพื้นฐานอย่างไร แล้วจึงพัฒนาไปเป็น VoIP ได้อย่างไร

หลักการพื้นฐานของเครือข่าย IP
เครือข่ายไอพี (Internet Protocol) มีพัฒนามาจากรากฐานระบบการสื่อสารแบบ Packet โดยระบบมีการกำหนด Address ที่เรียกว่า IP Address จาก IP Address หนึ่ง ถ้าต้องการส่งข่าวสารไปยังอีก IP Address หนึ่ง ใช้หลักการบรรจุข้อมูลใส่ใน Packet แล้วส่งไปในเครือข่าย ระบบการจัดส่ง Packet กระทำ ด้วยอุปกรณ์สื่อสารจำพวก Router โดยมีหลักพื้นฐานการส่งเป็นแบบ DATAGRAM หรือ Packet ซึ่งมีความหมายว่า “เป็นที่เก็บข้อมูลที่เป็นอิสระ ซึ่งมีสารสนเทศเพียงพอในการเดินทางจากแหล่งข้อมูลไปยังคอมพิวเตอร์ปลายทาง โดยปราศจากความเชื่อมั่นของการเปลี่ยนครั้งก่อน ระหว่างแหล่งข้อมูลกับคอมพิวเตอร์ปลายทาง และเครือข่ายการส่งข้อมูล”
ซึ่งจะเห็นว่าการส่งแบบ Packet เข้าไปในเครือข่ายนั้น จะไม่มีการประกันว่า Packet นั้นจะถึงปลายทางเมื่อไร ดังนั้นรูปแบบของเครือข่ายไอพีจึงไม่เหมาะสมกับการสื่อสารแบบต่อเนื่องเช่น การส่งสัญญาณเสียง หรือวิดีโอ เมื่อเครือข่าย IP กว้างขวางและเชื่อมโยงกันมากขึ้น ความต้องการส่งสัญญาณข้อมูลเสียงที่ได้คุณภาพจึงเกิดขึ้น ก็เลยมีการพัฒนาเป็น VoIP

แล้ว Voice over IP (VoIP) คืออะไร

VoIP-Voice Over IP หรือที่เรียกกันว่า “VoIP Gateway” หมายถึง การส่งเสียงบนเครือข่ายไอพี เป็นระบบที่แปลงสัญญาณเสียงในรูปของสัญญาณไฟฟ้ามาเปลี่ยนเป็นสัญญาณดิจิตอล คือ นำข้อมูลเสียงมาบีบอัดและบรรจุลงเป็นแพ็กเก็ต ไอพี (IP) แล้วส่งไปโดยมีเราเตอร์ (Router) ที่เป็นตัวรับสัญญาณแพ็กเก็ต และแก้ปัญหาบางอย่างให้ เช่น การบีบอัดสัญญาณเสียง ให้มีขนาดเล็กลง การแก้ปัญหาเมื่อมีบางแพ็กเก็ตสูญหาย หรือได้มาล่าช้า (delay)การสื่อสารผ่านทางเครือข่ายไอพีต้องมีเราเตอร์ (Router) ที่ทำหน้าที่พิเศษเพื่อประกันคุณภาพช่องสัญญาณไอพีนี้ เพื่อให้ข้อมูลไปถึง ปลายทางหรือกลับมาได้อย่างถูกต้อง และอาจมีการให้สิทธิพิเศษก่อนแพ็กเก็ตไอพีอื่น (Quality of Service : QoS) เพื่อการให้บริการที่ทำให้เสียงมีคุณภาพ นอกจากนั้น Voice over IP (VoIP) ยังเป็นการส่งข้อมูลเสียงแบบ 2 ทางบนระบบเครือข่ายแบบ packet-switched IP network. ซึ่งข้อมูลนี้จะถูกส่งผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตสาธารณะ เพื่อสื่อสารระหว่าง VoIP ด้วยกัน โดยที่ยังคงความเป็นส่วนตัวไว้ได้

สำหรับการใช้งานเทคโนโลยี VoIP นั้น จริงๆ แล้วทุกๆ องค์กรสามารถนำเทคโนโลยีนี้มาประยุกต์ใช้งานได้ แต่สำหรับกลุ่มเป้าหมายที่ตรงและน่าจะได้รับประโยชน์จากการนำเทคโนโลยี VoIP มาประยุกต์ใช้งานมากที่สุด ได้แก่… กลุ่มธุรกิจขนาดย่อม หรือ SME (Small/Medium Enterprise) รวมถึงกลุ่ม ISP (Internet Service Provider) ต่างๆ สำหรับกลุ่มธุรกิจ SME อาจจะต้องเป็นกลุ่มที่มีระบบเครือข่ายข้อมูลของตนเองอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเครือข่าย Leased Line, Frame Relay, ISDN หรือแม้กระทั่งเครือข่าย E1/T1 ก็ตาม รวมถึงมีระบบตู้สาขาโทรศัพท์ในการใช้งานด้วย การนำเทคโนโลยี VoIP มาใช้งานนั้นจะทำให้องค์กรลดค่าใช้จ่ายในการใช้งานการสื่อสารสัญญาณเสียงไปได้อย่างมาก และเนื่องด้วยในปัจจุบันการขยายตัวของระบบเครือข่ายสัญญาณข้อมูล หรือ Data Network มีอัตราการเติบโตที่รวดเร็วกว่าการขยายตัวของเครือข่ายสัญญาณเสียงค่อนข้างมาก จึงทำให้มีการนำเทคโนโลยีที่สามารถนำสัญญาณเสียงเหล่านั้นมารวมอยู่บนระบบเครือข่ายของสัญญาณข้อมูลและมีการรับ-ส่งสัญญาณทั้งคู่ได้ในเวลาเดียวกัน เพื่อเป็นการสะดวกและประหยัดค่าใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็นค่าโทรศัพท์ทางไกลต่างจังหวัด หรือรวมถึงค่าโทรศัพท์ทางไกลต่างประเทศด้วยถ้าหากองค์กรนั้นมีสาขาอยู่ในต่างประเทศด้วย
สำหรับกลุ่มธุรกิจ ISP นั้นสามารถที่จะนำเทคโนโลยี VoIP นี้มาประยุกต์ใช้งานเพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสในธุรกิจของตนเองมากยิ่งขึ้น โดยทาง ISP ต่างๆ นั้นสามารถให้บริการ VoIP เพื่อเป็นบริการเสริมเพิ่มเติมขึ้นมาจากการให้บริการระบบเครือข่าย Internet แบบปกติธรรมดา หรือที่เราเรียกว่า Value Added Services ซึ่งถือว่าเป็นการสร้างความแตกต่างและเพิ่มทางเลือกในการให้บริการกับกลุ่มลูกค้าด้วย

ขั้นตอนและวิธีการทำ VoIP

วิธีการทั่วไปในการโทรออกต่างประเทศ
ปกติแล้วเวลาเราเดินทางไปต่างประเทศ สำหรับนักธุรกิจ หรือผู้ที่ไม่สามารถขาดการติดต่อทางโทรศัพท์ได้ ก็จำเป็นต้องเปิดบริการ Roaming จากผู้ให้บริการโทรศัพท์ จากนั้นเมื่อถึงประเทศนั้นๆ เราก็เปิดเครื่อง หาเครือข่ายที่รับได้ แล้วก็สามารถใช้งานได้ทันที ทั้งโทรเข้า,โทรออก ก็ดูว่าจะสะดวกสบายดี แต่ที่ไม่น่าถูกใจเลยก็คือ เจ้าค่าบริการนั่นเอง ที่ไม่ว่าเราจะรับสาย หรือโทรกลับเมืองไทย ค่าบริการมันแสนจะแพงๆๆๆๆ เลยทีเดียว เรียกได้ว่ามีตั้งแต่ 50 บาทจนถึง 200 บาท/นาที ขึ้นอยู่กับประเทศที่เราไป ซึ่งหากเรารับสายหรือโทรออกตามปกติหรือเลือกรับสายเฉพาะที่สำคัญล่ะก็ รับรองว่ากลับบ้าน บิลค่าโทรศัพท์ไม่ต่ำกว่า ห้าพันหรือหนึ่งหมื่นบาทแน่นอน!!!



ใช้วิธี Calling Card ก็ถูกดี
แน่นอนครับการซื้อ Calling Card ที่มีขายกันอย่างกลาดเกลื่อนในเมืองนอกนั้น ก็เป็นวิธีที่ช่วยประหยัดได้มาก แต่ว่ามันไม่สามารถรับสายได้ และถ้าจะถูกก็ต้องโทรจากตู้สาธารณะเท่านั้น เพราะหากไปโทรจากมือถือมันก็แพงพอๆกันอยู่ดี

รับสายผ่าน VoIP ถูกกว่า สะดวกกว่า
วิธีที่เลือกนี้ทั้งประหยัดและสะดวก สำหรับการรับสายในต่างแดนอย่างยิ่ง วิธีก็คือแทนที่เราจะเสียค่าบริการ Roaming ที่สุดแสนจะแพงมหาโหด เราก็ทำการ By Pass เครือข่ายผู้ให้บริการโทรศัพท์ (PSTN) และไปวิ่งผ่านทางเครือข่าย VoIP แทนซึ่งแน่นอนว่ามันประหยัดกว่า และขณะนี้คุณภาพเสียงก็แทบแยกไม่ออกว่านี่ผ่าน VoIP มาหรือเปล่า

ทำอย่างไร
สิ่งที่ต้องมี
1.1 VoIP Gateway (FXO+FXS)ซึ่งต่อเข้ากับเบอร์โทรศัพท์พื้นฐานที่เตรียมไว้ในข้อ 1.3
1.2 VoIP Account (บริการจากผู้ให้บริการ VoIP หรือที่เรียกว่า ITSP = Internet Telephony Service Provider) ซึ่งค่าบริการจะถูกกว่ามากเช่นโทรไปอเมกิการอาจจะราคาเพียง 2-3 บาท/นาที
1.3 เบอร์โทรศัพท์พื้นฐาน 1 เบอร์
1.4 เบอร์โทรศัพท์มือถือในต่างประเทศ




ขั้นตอนการทำงาน
2.1 Divert เบอร์มือถือของท่านไปยังเบอร์บ้านในประเทศไทย เพื่อให้คนที่โทรมาหาเรา มันก็จะไปดังที่เบอร์โทรศัพท์พื้นฐานแทน(1.3)...เสียนาทีละ 3 บาทแต่ก็ถูกกว่า 100 บาทในต่างประเทศ
2.2 เมื่อมีการโทรศัพท์เข้าไปยังเบอร์โทรศัพท์มือถือของเราที่ Divert ไว้ ไปยังเบอร์โทรศัพท์พื้นฐานที่ต่อเข้ากับ VoIP Gateway ซึ่งเราได้ทำการตั้งค่าให้มันต่อสาย ผ่าน ITSP (1.2)ไปยังเบอร์โทรศัพท์มือถือในต่างประเทศ (1.4) ที่เราต้องไปซื้อเมื่อไปถึง (เราอาจจะเลือกแบบ Prepaid เพราะเอาไว้รับสายเป็นหลัก)

เท่านี้เราก็สามารถรับสายเข้าจากเมืองไทยได้โดยเสียค่าบริการเพียงนาทีละ 5 (ค่าบริการ VoIP + ค่าบริการ Divert) ซึ่งน่าจะประหยัดกว่ามากเลยทีเดียว!!

วิธีที่ซับซ้อนขึ้นไปอีก
นอกจากโทรกันปกติแล้ว เรายังสามารถรับสายที่โอนจาก Office ในเมืองไทยได้เสมือนกับเป็นเบอร์ต่อเบอร์ได้อีกด้วย โดยผู้โทรเข้าก็โทรเข้ามาที่ Office เหมือนปกติ และหากเมื่อเค้าต้องการคุยกับคนที่อยู่ต่างประเทศ ก็โอนสายไปยังเบอร์ต่อภายในที่ถูกโปรแกรมไปยังเบอร์ต่างประเทศที่เรากำหนดไว้ เท่านี้ก็สามารถรับสายอย่างประหยัดและไม่เสียงานเสียการได้เหมือนกัน




โทรออกในต่างประเทศจะทำอย่างไรให้ถูก
สำหรับการโทรออกนั้นก็สามารถทำได้หลายวิธีครับ แต่วิธีที่ผมเลือกคือการโทรจาก Softphone ในคอมพิวเตอร์ แต่มันมีข้อจำกัดคือใช้ได้เฉพาะเวลาที่ต่อเน็ตได้เท่านั้น โดยโทรผ่าน SIP Server ของบริษัทแล้วตัดออกไปยังเบอร์ภายในประเทศตามที่ต้องการ ซึ่งค่าใช้จ่ายนั้นก็เท่ากับการโทรภายในประเทศเท่านั้นเอง...

โดยสรุปจะเห็นได้ว่า VoIP นั้นสามารถที่จะนำมาประยุกต์ใช้เพื่อให้เกิดความสะดวกและประหยัดได้อย่างหลากหลาย และนี่คือหนึ่งตัวอย่างเท่านั้น ซึ่งจริงๆแล้วมันยังทำอะไรได้อีกเยอะ